Breaking News
Loading...

Info Post



อินทรกลับถึงคอนโดของอธิชาติก็ทิ้งตัวนอนที่โซฟาอย่างหงุดหงิด อธิชาติชวนลุกขึ้นมาดื่มกันก่อน อินทรขอหนักๆเลย อธิชาติถามว่าไปหงุดหงิดอะไรมา

“จะมีใคร ไอ้มาวินน่ะสิ มันจะไม่ยอมเลิกยุ่งกับแพรไหม มันเอาแพรไหมไปอยู่ที่บ้าน มันต้องมีแผนแน่ๆ”

อธิชาติบอกว่าเรื่องมาวินกับแพรไหมง่ายนิดเดียวถ้าอยากให้สองคนนี้เลิกกัน ให้ตนจัดการเอาไหมรับรองเห็นผลทันตา อินทรให้จัดการเลยขอแค่ให้มาวินเลิกยุ่งกับแพรไหม วิธีไหนตนไม่สน

ที่บ้านมยุรา มาวินเดินกระวนกระวายมองหาแพรไหมเห็นยังไม่กลับทนไม่ได้ จึงเดินเข้าไปถามมานีที่ห้องพักว่าแพรไหมกลับหรือยัง พอมานีบอกว่ายัง ก็บ่นหงุดหงิด

“ทำไมยังไม่กลับ แล้วมีโทร.มาบอกไหมว่าจะไปไหน หรือต้องไปทำอะไร” มานีบอกว่าไม่มี ถามมาวินว่าต้องการอะไรหรือเปล่า พอมาวินบอกว่าเปล่า มานีขอร้องว่าต่อไปถ้ามีอะไรอยากใช้แพรไหมให้ใช้ตนแทนก็ได้ตนจะรับใช้เขาเอง “อ๋อ...ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ”

มาวินเดินกลับไป มานีมองตามอย่างกังวล ลำบากใจ ฝ่ายมาวินออกมาแล้วก็ยังบ่นเป็นห่วงแพรไหม หยิบมือถือขึ้นมากดโทร.ออกแต่สายไม่ว่าง เก็บมือถือบ่นอุบอิบ “ติดต่อไม่ได้อีก”

ฝ่ายนิชา ได้รับความช่วยเหลือจากชนนด้วยท่าทีซื่อๆ ไม่หวังสิ่งตอบแทนและไม่ฉวยโอกาส ก็ประทับใจกลับมาถึงบ้านแล้วยังคิดถึงเขาอยู่ แต่ขณะเดินผ่านห้องนอนพ่อกับแม่ ได้ยินแม่บอกให้พ่อนอน ในขณะที่พ่อก็เอาแต่คร่ำครวญถึงนารา

“อย่าเพิ่งคิดเลยค่ะคุณ เดี๋ยวความดันขึ้นอีก หลับตานอนพักนะคะ ฉันจะช่วยตามตัวนาราให้เองค่ะ” รุจิราปลอบจักรีแล้วหันสบตากับนิชาที่ยืนมองอยู่

นิชาถามรุจิราว่าถ้าตามตัวนารากลับมาไม่ได้แม่จะทำอย่างไร

“ถ้านารากลับมา นาราจะต้องหมั้นกับมาวิน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแนวที่พ่อกับแม่วางเอาไว้ เพราะอย่างนี้ไงนาราถึงได้หนีไป นาราคงอยากให้พ่อกับแม่เลิกใส่ใจเหมือนที่ทำกับลูกบ้าง แล้วถ้าลูกยังคิดว่าชีวิตน้องดีกว่า จะมาแต่งงานกับมาวินแทนไหมล่ะ”

“แล้วอย่างนี้แม่จะทำไปทำไม”

“ครอบครัวจะมีความสุขต้องมีคนเสียสละ แล้วถ้าแม่เสียสละเองได้ แม่จะไม่ลังเลเลยที่จะทำ”

รุจิราเดินแยกไป นิชาเห็นใจแม่เลยคิดอยากจะช่วยแม่ตามหานารา

มาวินกระวนกระวายใจจนจะออกไปตามหาแพรไหม มานีกั้นไว้บอกให้ไปนอนเสียตนจะรอเอง มาวินไม่ยอมไปนอน บอกว่าตนจะรอเป็นเพื่อนด้วย แต่พริบตาเดียวมาวินก็แวบออกไป

วิธีของอธิชาติคือไปดักแพรไหมที่ทางเดินเข้าบ้านโดยมีเก๋ากับด้วงไปด้วย พอเห็นแพรไหมเดินมาอธิชาติก็เกร่เข้าไปบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แพรไหมบอกให้หลีกไปไม่อย่างนั้นตนจะตะโกนให้คนช่วย อธิชาติทำทีหลีกทางให้แพรไหมเดิน แต่พอเธอเดินผ่านก็คว้ามือไว้ แล้วเก๋ากับด้วงก็เข้ามาขนาบทันที

อธิชาติถูกแพรไหมจับมือพลิกแล้วถีบจนร้อง แล้ววิ่งหนีไป เก๋ากับด้วงวิ่งไล่ตาม พอทันคว้าตัวไว้ทำท่าจะอุ้มไป

“พวกแกจะทำอะไรแพรไหม” มาวินตวาดถาม อธิชาติตอบกวนๆ ว่ามีเรื่องจะคุยด้วยเท่านั้น เพราะเห็นแพรไหมเดือดร้อนจนต้องมาอยู่กับเขาเลยจะเสนอตัวช่วยเหลือ “พวกแกไปให้พ้นแล้วอย่ามายุ่งกับแพรไหมอีก”

อธิชาติเห็นตนมีพวกมากกว่าทั้งยียวนและท้าทาย เก๋ากับด้วงก็ท้าเหยงๆ พอดีมานีกับคนสวนวิ่งมาถามว่ามีเรื่องอะไรกัน และคนพวกนี้เป็นใคร อธิชาติเห็นท่าไม่ดีเลย “ฝากไว้ก่อน” แล้วพากันกลับ มาวินรีบไปหาแพรไหมถามว่าเธอไม่เป็นไรนะ เตือนอย่างเป็นห่วงว่า

“ทีหลังอย่ากลับบ้านดึก หรือไม่ก็รับสายฉัน ไม่ก็โทร.บอกให้ฉันรู้หน่อยก็ยังดี ทำอย่างนี้รู้ไหมว่ามีคนเป็นห่วง”

“ขอบใจนะ” แพรไหมเอ่ยแล้วเดินแยกกลับเข้าบ้านไป มาวินรีบตามไป มานีจับตาดูอยู่อย่างไม่สบายใจที่มาวินเป็นห่วงแพรไหมมากมายอย่างนี้ พอมานีตามเข้าไปในบ้านเห็นมาวินกำลังจับมือแพรไหมดูรอยช้ำก็บอกมานีให้ไปหยิบยานวดให้ มานีบอกว่าไม่ต้องเดี๋ยวตนนวดให้เอง แล้วเรียกแพรไหมกลับห้อง พอแพรไหมลุกขึ้น มาวินก็ลุกบ้าง มานีรีบกันไว้

“ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงแพรไหม แต่คุณควรจะไปพักผ่อนได้แล้วค่ะ” แล้วพาแพรไหมแยกไปเลย

พอกลับถึงห้อง มานีบอกแพรไหมว่าตนไม่อยากให้เธอไปสนิทสนมกับมาวิน เตือนแพรไหมว่า

“ถึงเขาจะเข้าหาลูกเอง แต่ลูกก็ควรรู้ตัวว่าตอนนี้เราอยู่ในสถานะอะไร อย่าทำให้ชีวิตของเรามีปัญหามากกว่านี้เลย”

วันนี้อินทรควงรตีเข้าบ้าน ทั้งยังแสดงความสนิทสนมกันอย่างมากจนจริยาทนดูไม่ได้ ถามอย่างไม่พอใจว่า

“พามันมาทำไม” สินชัยได้ยินเดินมาถามว่าใครมาหรือ จริยารีบเปลี่ยนกิริยาท่าทางบอกว่าอินทรพาเพื่อนมาที่บ้านสงสัยจะเป็นเพื่อนในตลาดของแพรไหม อินทรจึงแนะนำรตีให้รู้จักกับพ่อ บอกสินชัยว่า

“คุณจาพูดถูก รตีเป็นเพื่อนในตลาดของแพรไหม แต่รตีไม่ใช่เพื่อนผมนะครับ รตีเป็นแฟนผมครับ” สินชัยถามว่าวันก่อนบอกว่าแฟนชื่อแพรไหมไม่ใช่หรือ “นั่นมันวันก่อนครับ นี่คือวันนี้ ผมเป็นแฟนกับรตีครับเห็นพ่อบอกว่าอยากให้พาแฟนมาแนะนำทำความรู้จัก ผมเลยพามา”

อินทรถามว่าพ่ออยากซักประวัติแฟนตนใช่ไหม เชิญตามสบายตนขอไปเปลี่ยนชุดก่อน แล้วผละไปเข้าห้องปิดประตูล็อกถอดเสื้อไปอาบน้ำ

สินชัยคุยกับรตีที่ห้องรับแขก ถามว่าคิดยังไงถึงมาเป็นแฟนกับลูกชายตน

“เอ่อ...ไม่ได้คิดค่ะพออินทรมาขอให้เป็นแฟนก็ยอมเป็นเลยค่ะ”

สินชัยบอกถึงความจำเป็นที่จะต้องทำให้ประวัติของอินทรไม่มีปัญหา เพราะต่อไปเขาเล่นการเมืองจะต้องถูกขุดคุ้ยและส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเสียหาย บางทีก็เป็นเรื่องของเจ้าตัว บางทีก็เป็นเรื่องของคนข้างตัวพูดออกตัวว่า


“ฉันไม่ได้รังเกียจคนจนนะ แต่ฉันรังเกียจคนที่จะทำให้ลูกฉันและครอบครัวเราเสื่อมเสีย ถ้าเธอรู้ตัวว่าเป็นคนที่มีตำหนิ...” รตีไม่รอให้พูดจบ ตัดบททันทีว่า

“คุณพ่อคะ คนที่จะทำให้อินทรกับคุณพ่อเสื่อมเสียไม่ใช่รตีหรอกค่ะ แต่คือคนใกล้ตัวคุณพ่อต่างหาก”

สินชัยชะงักถามว่า “ใคร?” รตีไม่ตอบแต่พาสินชัยไปที่ห้องอินทร

อินทรอาบน้ำเสร็จออกมาเจอจริยานั่งเชิดรออยู่ เขาถามว่าเข้าห้องตนได้ยังไง? ต้องการอะไร จริยาถามว่าเขาเคยบอกว่าชอบแพรไหม แล้วทำไมถึงกลายเป็นรตีไปได้

รตีค่อยๆไขกุญแจเข้าไปในห้อง เจอจริยากำลังต่อว่าอินทรประกาศอย่างเปิดเผย เพราะคิดว่าอยู่กันแค่สองคนว่า

“เธอต้องเลิกกับรตี!! ฉันต้องการให้เธอเป็นของฉัน เธอไม่มีสิทธิ์คบใครนอกจากฉันคนเดียว ถ้าเธอไม่รักฉันก็อย่าหวังว่าจะไปรักใครได้ ฉันจะตามจองล้างจองผลาญชีวิตเธอตลอดไป” อินทรท้าว่า ถ้าตนไม่เลิกล่ะ? “ฉันก็จะให้พ่อไล่เธอออกจากบ้าน ฉันจะบอกพ่อว่าเธอลวนลามฉัน จะทำให้เธอถูกตัดพ่อตัดลูก ให้ชีวิตเธอพังพินาศไม่มีชิ้นดีเลย!!”

อินทรไม่เชื่อว่าพ่อจะเชื่อคำพูดของเธอ จริยาถามว่าทำไมจะไม่เชื่อ ในเมื่อทุกวันนี้พ่อเขาหลงตนขนาดไหน พูดอย่างผยองว่า “พ่อเธอฉลาดแต่เรื่องบ้านเมืองแต่เรื่องอื่นโง่มาก แค่ฉันพูดคำเดียวเขาก็พร้อมจะยื่นจมูกให้ฉันสนตะพายจูงไปขึ้นเขาลงห้วยได้หมดทุกที่”


“ได้ยินแล้วใช่ไหมครับพ่อ” อินทรถามสินชัยที่เข้ามายืนฟังอยู่ จริยาหันไปเห็นสินชัยก็ตกใจแทบสิ้นสติ

สินชัยเพิ่งตาสว่างนาทีนี้เอง เขาพูดอย่างเจ็บปวดและแค้นใจว่า

“คุณรักอินทร ก็เลยมาแต่งงานกับผมเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับอินทร กล้าทำเรื่องสกปรกอย่างนี้ได้ยังไง น่าขยะแขยงที่สุด ไป...ออกไปจากบ้านผมเดี๋ยวนี้”

จริยาใช้มารยาหญิงออดอ้อนให้ฟังตนก่อน เมื่อสินชัยได้ยินและรู้แจ้งแล้ว เขาไล่ให้เธอออกจากบ้านตนไปเดี๋ยวนี้เลย จริยาพูดอย่างไร้ยางอายว่า

“ไปก็ได้ ถ้าจะเอาใบหย่าก็เตรียมแบ่งทรัพย์สินครึ่งนึงให้ฉันด้วยล่ะ” แล้วหันอาฆาตอินทร “ฉันจะตามจองล้างจองผลาญเธอตลอดไป เธอจะไม่มีวันได้มีความรักกับใครเด็ดขาด”

รตีที่กำลังถ่ายคลิปอยู่ถามว่าแล้วตนล่ะจะทำอะไรตนไหม จริยาตะคอกว่า “ระวังตัวไว้ก็แล้วกัน!”

สินชัยเจอเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดคิด ถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง

จริยาปึงปังออกไป ชนข้าวของตามทางล้มระเนระนาด ออกไปแล้วหันตะโกนเข้าไปในบ้านอย่างแค้นใจ

“ฉันไม่มีความสุข เธอก็อย่าหวังจะมีเลย อินทร!”

มยุราทำดีกับมานีและแพรไหมถึงกับให้มาร่วมโต๊ะอาหารเช้า แต่เจตนาต้องการทำให้ทั้งสองขายหน้าเมื่อใช้อุปกรณ์บนโต๊ะไม่เป็นกลายเป็นตัวตลกให้หัวเราะกัน

มาวินไม่พอใจเมื่อมยุราให้มานีใช้เครื่องบด พริกไทยแต่มานีจับขึ้นมาเขย่าเท มยุราก็หัวเราะขำ เขาเลยคว้าที่บดพริกไทยปาทิ้งไปถูกแจกันแตกเพล้ง!!

ทุกคนตกใจกับการกระทำของเขา

“ถ้ามันมีปัญหามากก็ไม่ต้องใช้ ไอ้มีดนี่ด้วย” เขาโยนมีดทิ้งแล้วใช้มือหยิบไส้กรอกกัดกร้วมๆ

ขณะไปเรียนหนังสือด้วยกัน แพรไหมถามว่าทำไมเขาจึงแสดงกิริยาไม่เหมาะสมกับแม่บนโต๊ะอาหาร มาวินบอกว่าเธอไม่เป็นตนไม่รู้หรอกแล้วเปลี่ยนเรื่องชวนขึ้นรถเมล์ไปกันดีกว่า แพรไหมรู้แกวถามว่าทำไมพูดถึงครอบครัวเขาทีไรเขาต้องตัดบททุกที มาวินไม่ตอบแต่เดินนำไปเลย

มยุราทำดีกับมานีต่อหน้าทุกคน แต่เมื่ออยู่กันตามลำพังก็ถามว่าบอกแพรไหมแล้วหรือยัง มานีบอกว่าตนบอกแล้วว่าให้อยู่ห่างๆมาวินแต่มาวินเองเป็นฝ่ายเข้าหาแพรไหม มยุราไม่พอใจหาว่ามานีว่าตนเลี้ยงลูกไม่ดี ดูถูกว่าอย่างพวกเธอเลี้ยงลูกในสภาพแวดล้อมอย่างนั้นลูกออกมาก็เหมือนยุงที่เที่ยวสูบเลือดคนโน้นคนนี้แล้วบินหนี ฉะนั้นอย่ามาโยนความผิดให้ลูกชายตน พูดแล้วเห็นมานีนิ่ง ถามว่านิ่งทำไม ตนพูดถูกใช่ไหม

“ถ้าสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีทำให้แพรไหมโตมาไม่ดีแล้วทำไมสภาพแวดล้อมดีๆอย่างบ้านนี้ ถึงทำให้คุณมาวินเป็นคนก้าวร้าวต่อต้านแม่ด้วยความรุนแรงเหมือนที่ทำบนโต๊ะอาหารคะ พฤติกรรมแบบนั้นแพรไหมไม่เคยทำกับดิฉันเลยค่ะ”

มยุราแว้ดใส่ว่าหาว่าตนเลี้ยงลูกไม่ดีหรือ! มานีบอกว่าตนแค่จะบอกว่าคนจะดีหรือไม่ดีสภาพแวดล้อมก็มีส่วน แต่สิ่งสำคัญคือการอบรมเลี้ยงดู มยุราฉุนขาด รุกฆาตทันที

“นังมานี เธอไม่ต้องมาตำหนิการเลี้ยงลูกของฉัน ฉันให้เวลาเดือนนึง ถ้ามาวินยังไม่เลิกคลั่งลูกสาวเธอ ฉันจะทำให้ชีวิตพวกเธอไม่มีที่อยู่ ไม่มีที่ทำกิน ผัวเก่าเธอก็จะล่มจม ล้มละลาย ให้พินาศย่อยยับให้หมด เธอกับลูกจะได้เจอกับนรกของจริง!”

“เชื่อฉันเถอะว่าภรรยาฉันทำได้อย่างที่พูดจริงๆ” อานนท์ตอกย้ำ ทำให้มานีเครียดหนัก

นิชาเห็นใจแม่ จึงไปหาชนนที่ตลาดฝากซองให้ชนนเอาไปให้นารา บอกชนนว่า

“นี่เป็นเอกสารสำคัญมากเกี่ยวกับอนาคตการศึกษาของนารา นาราต้องอ่านมันอย่างเร็วที่สุด ถ้าเอกสารไปไม่ถึงนารา แล้วชีวิตนาราดิ่งลงเหว ฉันจะถือว่าฉันทำเต็มที่แล้ว มันไม่ใช่ความผิดของฉัน”

ชนนมองซองเอกสารในมืองงๆ เพราะถูกนิชาจู่โจมมาแล้วก็ผละไป

ฝ่ายจริยาออกจากบ้านสินชัยไปด้วยความแค้นและอาฆาต เธอติดต่ออธิชาติ บอกว่าต้องการให้อินทรกับพ่อล่มจมเพราะอินทรร่วมมือกับรตีแฉตนทำให้สินชัยเกลียดตนและไล่ออกจากบ้าน บอกอธิชาติว่า

“ฉันจะไม่ยอมเป็นคนแพ้ อินทรจะต้องได้รับบทเรียน เธอจะช่วยฉันจัดการยังไงได้บ้าง” อธิชาติติงว่าอินทรเป็นเพื่อนตนนะ “อย่ามาเล่นละคร เธอไม่ได้จริงใจกับอินทรอยู่แล้วฉันไม่รู้ว่าเธอแค้นอะไร แต่ในเมื่อเรามีศัตรูคนเดียวกันเราก็ควรจะช่วยกัน” อธิชาติมองหน้าถามว่าแล้วตนจะได้อะไร จริยาย้อนถามว่าเขาจะเอาอะไรล่ะ?

อธิชาติจับมือจริยาไปใช้นิ้ววนเป็นวงกลมบนหลังมือ จริยารู้ว่าหมายถึงอะไร พูดอย่างยโสว่า “ฝันไปเถอะ!” แต่พออธิชาติบอกว่าตนมีหลักฐานที่จะทำให้ครอบครัวนี้ทั้งครอบครัวพินาศไปได้เลย จริยาไม่เชื่อถือ อธิชาติอ่อยว่า

“พ่อผมเป็นผู้ช่วย เป็นคนผลักดันให้ไอ้สินชัยกลายเป็นท่านสินชัยอย่างทุกวันนี้ คุณลองคิดสิว่า เส้นทางกว่าจะมาถึงวันนี้ของท่านสินชัย ผ่านอะไรดีๆชั่วๆมาบ้าง” แล้วเอามือจริยาไปใช้นิ้ววนอีกรอบ “ว่าไงครับ ตกลงเราจะร่วมมือกันไหม” อธิชาติยิ้มกรุ้มกริ่ม จริยาอึกอักเหมือนไม่เต็มใจ เขารวบรัดตัดบทอย่างรู้เชิง “คอนโดผมอยู่ข้างสวนนี่เองนะ”

ชนนเอาซองไปที่ร้านดอกไม้ เจออาจารย์ชัยทักก็สะดุ้ง ต่างมีพิรุธต่อกัน ชนนอำว่าอาจารย์มาหาพี่ผู้หญิงเจ้าของร้านอาจารย์มาจีบหญิง!!

อาจารย์ชัยสั่งให้เงียบ ชนนเงียบแต่ขอฝากซองที่นิชาฝากมาให้นาราด้วย อาจารย์ชัยรับซองไป นิชาแอบดูอยู่จึงรู้ว่านาราอยู่ที่ร้านดอกไม้นี่เอง พออาจารย์ชัยเข้าไปในร้านก็ยื่นซองให้นาราบอกให้ไปเปิดดูเสียแล้วตัวเองก็เร่ไปหาพี่ปิ่นขอซื้อดอกรัก ทำเอาพี่ปิ่นเขิน

นาราเอาซองไปเปิดดูปรากฏว่าเป็นซองเปล่า ฝ่ายนิชาพอรู้ว่านาราอยู่ที่ร้านดอกไม้ก็โทรศัพท์แจ้งรุจิราทันที รุจิราดีใจมากรีบบอกจักรีว่า “ยัยนิเจอนาราแล้วค่ะคุณ”

ปรากฏว่าจักรีทรุดกับฟื้นหมดสติไปทันที

ฝ่ายอาจารย์ชัย กลับจากร้านดอกไม้แล้ว เข้าสอนจนเสียงกริ่งหมดคาบดังขึ้น อาจารย์ปล่อยนักศึกษาไปหมดแต่เรียกอินทรกับมาวินให้ไปพบที่ห้องพักอาจารย์ สั่งให้ทั้งสองคนไปตามนารากลับมาเรียนหนังสือ เพราะตนไปคุยแล้วนาราไม่ยอมมา ทั้งสองเกี่ยงไม่ยอมไปด้วยกัน จะขอไปคนเดียว อาจารย์ตัดสินว่า

“งั้นมาวินไป ส่วนอินทร เธอไม่ได้ช่วยรตีทำรายงานสัมภาษณ์ผู้บริหาร เธอต้องติดเอฟ เว้นแต่วันนี้เธอจะไปตามนารากลับมา!” เป็นคำขาดที่ทั้งมาวินและอินทรทำท่าจะท้วงติง อาจารย์ตัดบทเสียงดังทันทีว่า “ต่างคนต่างไป แต่ไปตามนารากลับมาเรียน จบไหม!!”

ทั้งมาวินและอินทรทำเสียงจ๊ะจ๊ะอย่างขัดใจ แล้วต่างก็เหล่ใส่กัน

ชนนเดินเข้าไปในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย มองหาจนเจอแพรไหมนั่งอ่านหนังสือกับพื้นที่มุมหนึ่ง แพรไหมถามว่ามีใครตามมาหรือเปล่า

“ไม่มี รตีไปทำงานแล้ว นี่แกเป็นอาชญากรรึไงถึงต้องมาซุกซ่อนอยู่ตรงนี้” แพรไหมบอกว่าตนแค่ต้องการความสงบบ้างเท่านั้น ชนนชะโงกดูถามว่าอ่านหนังสืออะไร

“ฉันตั้งใจแล้วว่าจะทำไร่ผักปลอดสารพิษ มันเป็นสิ่งที่ฉันกับแม่คุ้นเคยที่สุด ฉันจะเอาความรู้ด้านบริหารที่ได้เรียนมาใช้ และหวังว่ามันจะสำเร็จ”

“แกนี่ดีจัง มีเป้าหมายชีวิต”

“ฉันจะไม่ให้ใครมาดูถูกว่าฉันหวังรวยทางลัดเด็ดขาด แม่อุตส่าห์ทำงานส่งฉันเรียนปริญญา ฉันก็จะใช้ความรู้ที่แม่มอบให้นี้ มาดูแลและตอบแทนพระคุณแม่”

แพรไหมพูดอย่างมุ่งมั่น ชนนฟังอึ้งๆ

เมื่ออาจารย์ชัยสั่งให้ทั้งมาวินและอินทรต้องไปเอาตัวนารากลับมาเรียน ทั้งสองแย่งกันรีบไปที่ร้านดอกไม้ ไปถึงหน้าร้านพร้อมกัน มาวินกำลังจะก้าวเข้าไปก็ถูกอินทรขัดขาเสียหลักแล้วแซงเข้าไป

พี่ปิ่นออกมารับแขก ทั้งสองต่างแย่งกันให้บอกนาราว่าตนมาหา พี่ปิ่นเดินเวียนหัวกลับเข้าไปไม่นาน นาราก็เดินออกมา ทั้งสองต่างเสนอหน้าบอกว่าอาจารย์ชัยให้มาตามกลับไปเรียนหนังสือ

ทั้งสองแย่งชิงกันทำคะแนนเต็มที่ มาวินไวกว่า อินทรหมั่นไส้เลยหยิบที่ฉีดน้ำดอกไม้ฉีดใส่หน้า พอมาวินชะงัก อินทรก็ชิงทำคะแนนบอกว่า

“ใกล้จะสอบมิดเทอมแล้ว ถ้านายังไม่กลับไปเรียน นาจะติดเอฟ แล้วมันจะทำให้นาไม่ได้จบพร้อมเรา”

“แต่ถ้านากลับไป พ่อกับแม่ก็บังคับนาเหมือนเดิมอีก นาไม่อยากกลับไปทำอะไรที่นาไม่อยากทำอีกแล้ว” 



“แต่นี่อนาคตของนาเองนะ นาจะเอาอนาคตตัวเองมาแลกกับเรื่องแค่นี้เหรอ” มาวินถาม

“วินก็เหมือนนานั่นแหละ” นาราสวนทันควัน มาวินจ๋อย อินทรหัวเราะเยาะ เลยโดนอีกคน “ไม่ต้องขำ อินทรก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไหร่หรอก” อินทรเลยยิ้มเจื่อน “ถ้าจะมาสอนให้นากลับเพราะอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ต้องสอนตัวเองด้วยนะ”

อินทรแย่งเสนออย่างภูมิใจว่าให้เธอไปเรียนกลางวันแล้วกลางคืนกลับมาทำงานที่นี่ไม่ต้องกลับไปถูกบังคับอีก มาวินเสียหน้าเลยแกล้งเลื่อนกระถางต้นกระบองเพชรที่วางอยู่ไปรับมือที่อินทรกำลังวางลงบนโต๊ะอย่างภูมิใจ จนร้องจ้ากเพราะถูกหนามกระบองเพชรตำ

ขณะทั้งคู่กำลังชิงดำกัน ปรัชญาก็เดินหน้าหล่อเข้มเข้ามาแทรกกลางระหว่างมาวินกับอินทร บอกนาราว่า

“ผมว่านากลับบ้านเถอะ นาราเลิกคบกับชนนแล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่นาราจะต้องดื้อกับพ่อแม่แล้วไม่ใช่เหรอ”

ทันใดนั้นเอง พี่ปิ่นออกมาบอกนาราว่าแม่เธอโทร.มาบอกว่าพ่อเธอเข้าโรงพยาบาล บรรยากาศที่ตึงเครียดเลยสลายไปโดยปริยาย

นารารีบกลับบ้านเจอแม่ถามว่าพ่ออยู่ไหน พอรู้ว่าอยู่ข้างใน นารารีบเข้าบ้านไป เจอจักรีนอนพักผ่อนอยู่มีสายน้ำเกลือและพยาบาลพิเศษดูแลอยู่

“ไม่ต้องมาห้าม ฉันจะต้องไป” จักรีโวยวายจะลุกขึ้นให้ได้ นาราถลาไปหาพ่อ

“หนูขอโทษนะคะพ่อ หนูไม่ได้ตั้งใจทำให้พ่อเครียด”

“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร ไปกับพ่อ วันนี้คุณปู่นัดประชุม ถ้าพ่อไม่ไป พวกเขาจะลงมติให้ปลดพ่อออก

จากตำแหน่งพ่อต้องไป” นาราเสนอว่าพ่อไม่สบายให้เขาเลื่อนประชุมไปก่อนไม่ได้หรือ “ไม่ได้ ไม่มีคำว่าครอบครัวในธุรกิจ ถ้าพ่อไม่ไปก็เป็นอันยอมรับข้อสรุปของการประชุมทุกประการ”

“คนทำธุรกิจ มันต้องขนาดนี้เลยเหรอคะ ขนาดลูกชายตัวเอง ญาติตัวเองป่วยหนัก ยังไม่เห็นอกเห็นใจกันอีกเหรอคะ” จักรีบอกว่าลูกก็เคยเจอคุณปู่ ก็รู้ว่าท่านเป็นคนยังไงไม่ใช่หรือ “ได้ค่ะ ถ้าจะเอาแบบไม่มีหัวใจก็ได้ค่ะ หนูจะไปประชุมให้พ่อเองค่ะ” นาราฮึดฮัดจะไปเจอกับพวกญาติๆที่ห้องประชุม

พอนาราไปแล้ว สามหนุ่มคลั่งรักก็เผชิญหน้ากัน ต่างชิงดีชิงเด่นกัน แต่มาวินกับอินทรดูจะเข้ากันได้และรุมกันเล่นงานปรัชญาคู่แข่งคนใหม่ ทั้งสองถามปรัชญาว่า เขาจีบนาราหรือ ปรัชญาย้อนถามกวนๆว่า ถามทำไม?

มาวินกับอินทรจ้องหน้าปรัชญาเขม็ง มาวินกระชากคอเสื้อปรัชญาลากเข้าไป ทั้งสองคาดคั้นปรัชญาว่าเขาจีบนาราใช่ไหม ปรัชญาขอให้ปล่อยมือจากคอเสื้อตนก่อน เพราะหายใจไม่ออก แล้วตอบอย่างกล้าหาญว่า

“จีบ!! ผมลูกผู้ชาย ชอบก็บอกชอบ พวกนายไม่ต้องกลัวด้วยว่าจะมาหลอกให้นาราเสียใจ มันไม่ใช่นิสัยของผม”

พอปรัชญารับว่าจีบนารา อินทรก็ชมแขวะมาวินว่าดี ยอมรับตรงๆ ไม่ใช่ปากบอกว่าไม่แต่ลับหลังแอบตีท้ายครัว

มาวินกับอินทรเลยหันมาทะเลาะกันเอง จนปรัชญางงบ่นว่า “อะไรเนี่ย เมื่อกี๊ยังสามัคคีกันอยู่เลย”

ก่อนที่เรื่องจะบานปลาย พี่ปิ่นรีบออกมาบอกว่า

“น้องๆคะ ร้านพี่ต้องทำมาหากินค่ะ ไปทะเลาะกันที่อื่นได้ไหมคะ”

คู่ปรับเลยต้องยอมปล่อยมือจากกันอย่างหงุดหงิด

คืนนี้แพรไหมนอนไม่หลับ ออกมานั่งคิดแผนที่จะทำไร่ผักปลอดสารพิษตามความฝัน แล้วก็เสียอารมณ์เมื่อเห็นมาวินเดินมา เธอลุกเดินหนีเข้าบ้านแล้วตรงไปนอนหันหน้าเข้าฝาทำเป็นหลับ

มาวินตามมาเคาะประตูเรียกที่หน้าห้อง แพรไหมแกล้งทำเป็นหลับ มานีเลยเปิดประตูออกไป มาวินทำเป็นตึงเครียดบอกมานีว่าตนมีธุระจะคุยกับแพรไหม

“ด่วนมากไหมคะ” มานีถาม มาวินอึกอัก มานีตัดบทว่า “เอาไว้ตอนเช้าได้ไหมคะ นี่ดึกแล้ว แพรไหมต้องเข้านอนเพราะต้องตื่นตีห้ามาช่วยน้าเตรียมอาหารเช้าให้คุณๆกินค่ะ”

มาวินจ๋อยจำต้องถอยไป แต่ยังไม่ยอมแพ้ ใช้มือถือไลน์ไปขอให้แพรไหมออกมาคุยกันตลอดเวลา เมื่อแพรไหมไม่แม้แต่จะเปิดอ่านก็ไลน์ไม่เลิกสุดท้ายบอกว่า ถ้าแพรไหมไม่ออกมาตนจะรออยู่ถึงเช้าเลย

ฝ่ายอินทร กลับถึงบ้านเจอสินชัยนั่งดื่มอยู่คนเดียวที่โซฟา พอเข้าไปทักก็ถูกโบกมือไล่

“ไม่ต้องมายุ่ง...ผู้หญิงเลวเหมือนกันหมด หลอกลวงไม่มีความจริงใจ ทั้งจริยา ทั้งแม่แก”

“เกี่ยวอะไรกับแม่” อินทรชักฉุน สินชัยบอกว่ามันหลอกว่ารักฉันแล้วมันก็หนีไป “พ่อจะคบใคร มีเมียใหม่กี่คน ผมไม่เคยไปยุ่ง แต่พ่อไม่มีสิทธิ์เอาผู้หญิงพวกนั้นมาเทียบกับแม่”

“ทำไม พวกมันก็เหมือนๆกันทั้งนั้น”

“แม่ไปเพราะการกระทำของพ่อ แม่อดทนให้โอกาสพ่อหลายครั้งแล้ว แต่พ่อก็ไม่เคยทำให้มันดีขึ้น แล้วที่แม่ต้องตายก็เพราะพ่อ!” สินชัยตวาดว่าตนไม่ได้ทำให้แม่เขาตาย “พ่อทำ!! พ่อคือต้นเหตุ พวกมันอยากฆ่าพ่อแต่แม่ต้องมารับเคราะห์แทน คนที่ควรจะตายคือพ่อ!!”

“ไอ้อินทร!!!” สินชัยที่กำลังเมาปาของใส่อินทร

ที่ยืนนิ่งใช้แต่มือปัดป้องตัวเอง “ฉันเป็นพ่อแกนะ จะมาซ้ำเติมอะไรฉันนักหนา!!...ฉันไม่ได้ทำให้แม่แกตาย...”

อินทรพูดไปด้วยอารมณ์ แต่พอหันหลังไปแล้วก็นึกเสียใจไม่น้อย

กลับเข้าห้องนอน อินทรคิดถึงวันนั้น...วันที่แม่จากไป...

เวลานั้นอินทรยังเด็กอยู่ในวัย 10 ขวบ เห็นแม่ถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินตากฝนออกไป อินทรวิ่งตามร้องไห้อ้อนวอนแม่อย่าทิ้งตนไป แม่หันมาหาอินทร แต่อินทรถูกสินชัยจับตัวไว้ ไล่อย่างโกรธแค้น

“อยากไปก็ไปเลย แต่ลูกต้องอยู่ที่นี่ สิ่งที่ฉันทำก็เพื่อเธอ เพื่อลูกทั้งนั้น ไม่งั้นเราจะมีบ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้อยู่หรือ อย่าโลกสวยหน่อยเลย ต่อให้ฉันไม่ทำ บ้านเมืองนี้ก็ใช่ว่าจะขาวสะอาด คนอื่นๆมันก็ทำอยู่ดี มันเป็นเรื่องปกติที่ใครๆจะทำกันรับไม่ได้ก็ไปเลย!!”

แม่หันมองอินทรเป็นครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นรถขับออกไป สินชัยยังกอดอินทรไว้ ตะโกนด่าตามหลัง

“เออ...ไปเลย...จะไปตายที่ไหนก็ไป!”

พอแม่ขับรถออกไปอึดใจเดียว ก็มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ตามด้วยเสียงเบรกสนั่น

“แม่!!!” อินทรตะโกนสุดเสียง

เมื่อวิ่งออกไปดู เห็นแม่เสียชีวิตในรถที่ชนต้นไม้ข้างทาง และที่ตัวรถมีรอยกระสุนพรุน สินชัยช็อก อินทรเกาะรถร้องไห้แทบขาดใจ

ต่อมา ตำรวจสรุปคดีว่า

“คนร้ายดักซุ่มรอที่หน้าบ้านตั้งแต่เย็นแล้วครับ คาดว่ารอเวลาที่คุณจะออกจากบ้าน แต่พอดีภรรยาคุณขับรถของคุณออกไปก่อน พวกมันเลยเข้าใจผิด คิดว่าเป็นคุณ”

“พวกมันตั้งใจจะฆ่าฉัน...” สินชัยรำพึงออกมาอย่างรู้สึกผิดมาก

อินทรแอบฟังอยู่หลังเสา ยิ่งโกรธพ่อที่ทำให้แม่ตาย และฝังใจมาตราบทุกวันนี้...

ที่คอนโดอธิชาติ เก๋ากับด้วงเอาน้ำเต้าหู้มาให้ลูกพี่ เห็นยังนอนคลุมโปงอยู่ก็กระโดดทับ รู้สึกผิดปกติเมื่อทับเอาของนิ่มๆเข้า แล้วก็ผงะหงายแทบตกเตียงเมื่อเสียงแหลมปรี๊ดของจริยาแว้ดขึ้น

“ออกไปจากตัวฉัน” อธิชาติลุกขึ้นตวาดทั้งสองว่ามาทำบ้าอะไรแต่เช้า ในขณะที่จริยายังโวยวาย “ออกไปจากตัวฉัน” อธิชาติขอโทษจริยาบอกว่าลูกน้องตนมันกันเองอย่างนี้แหละ

“ไม่ต้องมากันเองกับฉัน ไหนของที่ฉันอยากได้ เอามา”

อธิชาตินั่งเอามือโอบไหล่ปลอบให้ใจเย็นๆ กินอาหารเช้ากันก่อนแล้วสร้างความสัมพันธ์กันอีกนิด

จริยาตวาดให้เอามือออกไปจากไหล่ตน อธิชาติทำหน้ากรุ้มกริ่มถามว่าไม่ชอบหรือ จริยาถูกเล้าโลมก็เริ่มเคลิ้ม

“พูดสิครับว่าไม่ชอบ ผมจะได้หยุด...ลูกแมวน้อยของผม...” อธิชาติเกาหูจริยาไปมา

มยุราบอกอานนท์ให้ล่อมาวินออกจากบ้าน แต่แพรไหมต้องอยู่ อานนท์รู้ทันว่ามยุราไม่ต้องการให้ มาวินอยู่รับรู้การปิดจ๊อบแพรไหมของตน พอปรามจนอานนท์ไม่กล้าพูดอะไรแล้ว มยุราพึมพำเหี้ยม

“แพรไหม วันนี้ฉันจะทำให้แกจมดินไม่ได้ผุดได้เกิดเลย!”

มานีบอกแพรไหมว่ามยุราบอกว่าไม่ต้องร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยแล้ว แพรไหมเลยจะไปมหาวิทยาลัย แต่ไม่ทันออกไปนงนุชก็มาบอกว่ายังไปไม่ได้เพราะมยุรามีธุระจะให้ทำ แพรไหมถามว่ามีอะไร นงนุชมองอย่างสงสารบอกว่าเดี๋ยวก็รู้เอง

มยุราโทร.อ่อยรตีว่า รู้ว่าเธอกำลังมีปัญหากับ แพรไหม แต่ระหว่างรตีกับแพรไหมตนเลือกให้โอกาสรตีคบกับมาวินมากกว่า ทำให้รตีเปลี่ยนใจไม่ไปเรียนบอกชนนที่รออยู่ว่าวันนี้มีจ๊อบสำคัญต้องทำ

ชนนเองก็ถูกชัดมาบังคับให้พนมมือสาบานว่าจะพูดแต่ความจริง พอชนนสาบาน ชัดถามว่า

“แกแอบไปคบกับนาราลูกสาวเจ้าของห้างเกรทจริงหรือเปล่า”

ทำเอาชนนแทบหยุดหายใจ จะปฏิเสธก็ไม่กล้าเพราะสาบานกับพ่อไว้แล้วเลยเดินหนีไปเฉยๆ ชัดตามไปคาดคั้นก็บอกว่าเรื่องมันจบแล้ว เพราะนาราไปมีแฟนใหม่เป็นคนรวยเหมือนกัน ชัดบอกว่าจบก็ดีจะได้ไม่จุกไม่เจ็บย้ำให้ชนนอยู่กับความจริง ชนนครวญว่าความจริงมันโหดร้าย

“ความจริงไม่โหดร้ายหรอกถ้าได้เจอคนที่ใช่” เสียงนิชาแทรกเข้ามา แล้วเข้าไปแนะนำตัวเองกับชัด “สวัสดีค่ะคุณพ่อของชนน นิชาค่ะ เป็นพี่สาวของนารา พอดีนิชามีเรื่องอยากคุยกับชนนนิดหน่อยค่ะ”

นิชายิ้มแย้มอ่อนโยนเป็นมิตรมาก จนชนนกับชัดงง...

เมื่อนงนุชบอกว่ามยุรามีธุระจะคุยด้วย แพรไหมจึงนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับการปลูกผักปลอดสารพิษรออยู่ในครัว จู่ๆมาวินก็พรวดเข้ามาบอกว่าแพรไหมหลบหน้าตนไม่พ้นหรอก

อานนท์รับคำสั่งจากมยุราให้พามาวินออกไปจากบ้าน ก็ตามไปคว้ามาวินลากออกไปบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่มาวินไม่ยอมไปเพราะจะไม่ยอมให้แพรไหมหลบหน้าตนอีก อานนท์ลากมาวินออกไป ดันเขาขึ้นรถอ้างว่าแถวนี้มยุราอาจวางสายลับไว้เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่า แล้วขับรถไปเลย

พอนงนุชรายงานมยุราว่าอานนท์พามาวินออกไปแล้ว มยุราก็สั่งให้ไปตามแพรไหมกับมานีมาเลย พลางกำชับทีมงานที่เตรียมงานสัมภาษณ์ตนไว้ให้พร้อม

งานให้สัมภาษณ์จัดพร้อมแล้ว มยุรานั่งเป็นสง่าอยู่ที่โซฟา มีทีมงานและพิธีกรอยู่ประจำที่ของตัวเอง แพรไหมกับมานีถูกตามตัวมาถึงพอดี แพรไหมถามมยุราว่ามีธุระจะคุยกับตน มองบรรยากาศแล้วถามว่าเรื่องนี้หรือ?

มยุราบอกว่ามาวินไม่อยู่ตนให้สัมภาษณ์คนเดียวดูมันหงอยเหงาเลยให้แพรไหมกับมานีมาร่วมด้วยเพราะถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าตนไม่ได้รังเกียจฐานะหรือชาติกำเนิดเลย ขอแต่ให้เป็นคนดีตนก็ยินดีจะเป็นครอบครัวเดียวกัน

“คุณตั้งใจจะพูดให้ตัวเองดูดีต่อหน้าสื่องั้นเหรอคะ” แพรไหมขัดขึ้นอย่างรู้ทัน มยุราตัดพ้อว่าทำไมพูดอย่างนั้นตนรักและอยากเป็นมิตรกับเธอจริงๆ ถามมานีว่ารังเกียจตนด้วยหรือเปล่า ทำให้มานีต้องเรียกแพรไหมไปนั่งร่วมให้สัมภาษณ์ด้วย พอมานีพาแพรไหมไปนั่งแล้ว มยุราก็เริ่มให้สัมภาษณ์ นับถอยหลังให้กล้องทำงานทันที

มยุราให้สัมภาษณ์สร้างภาพความมีเมตตาของตนต่อครอบครัวมานี ยิ่งสร้างภาพตัวเองให้สวยเท่าไร มานีกับแพรไหมก็ถูกเหยียบย่ำให้ต่ำต้อยน่าสมเพชมากเท่านั้น แพรไหมทนฟังอยู่จนมยุราให้สัมภาษณ์เสร็จได้รับความชื่นชมมากมาย

“คุณมยุรามีเมตตาประเสริฐมากๆเลยนะคะ เอาล่ะค่ะ อยากฟังความรู้สึกของผู้ที่ได้รับการอุปการะบ้าง ใครจะพูดก่อนดีคะ” พิธีกรมองมาทางมานีกับแพรไหม แพรไหมบอกให้ถามมาเลย

พอพิธีกรให้แพรไหมเล่าชีวิตก่อนที่จะมาอยู่ที่บ้านนี้ให้ฟัง มยุราก็ขัดขึ้นว่าให้เจ้าตัวเล่าอาจจะเกินจริงตนมีคนรู้เรื่องดีมาเล่าแทน แล้วก็เปิดตัวรตี บอกว่าเป็นเพื่อนสนิทของแพรไหม


รตีเล่าว่าตนกับแพรไหมอยู่ด้วยกันตั้งแต่เรียนอนุบาล เล่าถึงความขยันขันแข็งของแพรไหมที่ทำงานเพื่อช่วยแม่ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน วันนี้ก็ยังไปทำงานพาร์ทไทม์อีก เรื่องความขยันแพรไหมเป็นที่หนึ่งจริงๆ ส่วนในเรื่องการเรียนแพรไหมตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตที่ดีจะได้ดูแลแม่ได้

ระหว่างนั้นมยุราก็ทำหน้าที่ชี้นำซักถามกลายเป็นพิธีกรเสียเอง รตีพูดยกย่องจนแพรไหมบอกให้เงียบไปเลย

รตีมองหน้าบอกว่าตอนนี้เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องสงบปากสงบคำ มยุราถามนำทันทีว่าไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้วตกลงวันนี้มาเพราะอะไร

“วันนี้รตีมาเพราะคุณมยุราเชิญให้มาค่ะ” มยุราหน้าเสียแต่แกล้งหัวเราะกลบเกลื่อนว่าตนเชิญรตีมาเพื่อทำเซอร์ไพรส์แพรไหม ถามว่าแล้วยังไงต่อ รตีเล่าฉอดๆว่า

“คุณมยุราไม่อยากให้มาวินลูกชายของเขาคบกับแพรไหม ไม่สามารถทำให้มาวินเปลี่ยนใจได้ เขาเลยสืบจนทราบว่ารตีกับแพรไหมทะเลาะกันอยู่ก็เลยโทรศัพท์มาหารตียื่นข้อเสนอว่าถ้ารตีมาออกรายการ พูดเรื่องที่ทำให้แพรไหมขายหน้าและดูตกต่ำอย่างถึงที่สุด คุณมยุราจะให้งานให้เงินและให้โอกาสรตีได้คบกับลูกชายของเขาด้วยค่ะ”

“รตี...นี่...นี่เธอเอาอะไรมาพูด” มยุราช็อก

“ถ้าคุณมยุรารังเกียจแพรไหม มีเหรอคะที่จะไม่รังเกียจรตี คุณมยุราก็แค่แอ๊บดี ใส่หน้ากากแม่พระเพื่อหลอกให้รตีทำตามที่เขาต้องการ แต่ใช้กับรตีไม่ได้ผลหรอกค่ะ”

มยุราหน้าแตกสั่งรตีให้หยุดพูดไม่อย่างนั้นตนจะฟ้อง รตีเลยเอามือถือของตนขึ้นมาโชว์บอกว่าตอนที่มยุราโทร.ไปติดต่อตนนั้น ตนอัดเสียงไว้หมดแล้ว มยุราลุกพุ่งเข้าไปจะแย่งมือถือ รตีไม่ให้ ยืนแฉต่อ

“พวกคนรวยที่ดีแต่สร้างภาพอย่างคุณ มันต้องเจอแหกอกกลางอากาศอย่างนี้มันถึงจะสะใจ จะได้เลิกเอาอำนาจเงินไปกดขี่เหยียบหัวคนจนที่ทำมาหากินสุจริตเสียที” มยุราทำอะไรรตีไม่ได้ก็เหวี่ยงใส่ช่างกล้องให้หยุดถ่าย ในขณะที่รตีพูดติดลม เชิญชวนทางรายการว่า ถ้าอยากได้คลิปเสียงติดต่อตนได้เลย ตนมีเรื่องพูดแค่นี้ แล้วสวัสดีเลย แต่ก็ยังหันจิกใส่แพรไหมว่า

“อย่าคิดว่าฉันทำเพื่อเธอ ฉันแค่ไม่ชอบเป็นเครื่องมือของใคร”

แต่พอรตีจะเดินออกไป ก็เจอมาวินที่ถูกอานนท์หลอกจนหมดมุก พอจับเท็จพ่อได้มาวินก็รีบกลับมา เห็นทั้งรตี แพรไหม และมานี ก็แปลกใจถามมยุราว่าให้แพรไหมกับมานีมาให้สัมภาษณ์ด้วยหรือ สัมภาษณ์อะไรทำไมแม่ไม่บอกตน มยุราช็อกที่ความแตก กำชับพิธีกรว่า

“ถ้าจะเอาเทปนี้ออกอากาศ ไปตัดช่วงท้ายออก ถ้ามีส่วนไหนที่ทำให้ฉันเสียหายแม้แต่นิดเดียว ฉันจะฟ้องให้พวกเธอหมดหนทางทำมาหากิน!”

มาวินถามว่าเทปอะไร มยุราตัดบทว่าไม่มีอะไร พลางหันเดินออกไป มาวินไม่ยอมเดินตามทีมงานรายการไป มยุราตกใจรีบตามไปดู บอกมาวินว่ามีอะไรข้องใจให้ถามตน ไล่ทีมงานให้กลับไปได้แล้ว มาวินไม่ยอม บอกทีมงานให้เอาเทปมา เลยยื้อยุดกันกับมยุราที่พยายามลากมาวินออกไป

มาวินไม่ยอม มยุราสั่งบอดี้การ์ดของตนจัดการมาวิน แต่ถูกมาวินจัดการเสียเอง มาวินคว้าเสียมทำสวนยืนจังก้าท้าทาย

แพรไหมพยายามบอกมาวินให้ใจเย็นๆ มาวิน บอกเธอไม่ต้องพูด แล้วหันถามมยุราอย่างรู้ทันว่า

“แม่วางแผนไว้หมดแล้ว แม่ตั้งใจจะให้แพรไหมมาสัมภาษณ์ แม่ตั้งใจให้คนเห็นแพรไหมในแบบที่แม่ต้องการใช่ไหม! ทำไมแม่ต้องทำอย่างนี้ ทำไม!!”


มยุราจนแต้มถามว่าแล้วจะเอาอย่างไร มาวินให้เอาเทปมา มยุราไม่ให้เพราะรายการต้องออกอากาศวันนี้เขาไม่มีเทปสำรอง มาวินไม่เชื่อ มยุราหว่านล้อมว่าเรื่องที่สัมภาษณ์ไปก็ไม่มีอะไรเสียหาย ไม่เชื่อถามแพรไหมดู ถามนำว่าใช่ไหมแพรไหม ทำให้แพรไหมต้องบอกว่าไม่มีอะไรเสียหายเพื่อให้มาวินสงบลง แต่กลายเป็นมาวินยิ่งฮึดขึ้นมาถามว่า


“ต้องออกอากาศวันนี้ใช่ไหม ไม่มีเทปสำรองใช่ไหม ได้! งั้นมาถ่ายผม เดี๋ยวผมจะทำให้รายการคุณดังระเบิดเลย”

มาวินถือเสียมเดินออกไปนอกบ้าน มยุราตะโกนลั่น

“มาวิน!!”

มาวินถือเสียมตรงไปยังรถเก๋งคันหนึ่งที่เพิ่งมาจอดเงื้อเสียมจะทุบรถ บอกให้ทีมงานมาถ่ายเลย พร้อมกับประกาศชื่อเสียงเรียงนามของตนด้วย มยุราตามมาถามว่าเป็นบ้าไปแล้วหรือ มาวินบอกว่าถ้าไม่อยากให้ตนบ้าก็เอาเทปมา มาวินจะนับหนึ่งถึงสามถ้าไม่เอาเทปมารถเก๋งคันนี้พังแน่

มยุรารีบบอกทีมงานให้เอาเทปให้มาวิน ตนจะรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดเอง มาวินสั่งให้โยนเทปมา พอทีมงานโยนเทปให้เขาก็เอาเสียมทุบจนเทปแตก มยุรามองไปรอบๆ กลัวคนถ่ายคลิป สั่งบอดี้การ์ดอย่าให้ใครถ่ายคลิปเด็ดขาด

แพรไหมเห็นมาวินไม่ยอมหยุด เข้าไปบอกเขาให้พอได้แล้ว มาวินจึงยอมหยุดคว้ามือแพรไหมพาออกไป มยุราปรี๊ดแตกหันไปว่ามานีว่าลูกสาวเธอทำให้ลูกชายตนเป็นบ้าไปแล้ว สั่งบอดี้การ์ดกับนงนุชให้ตามไปจัดการอย่าให้มีคลิปหลุดไปเด็ดขาด กระหนาบทีมงานว่าห้ามเอาเรื่องนี้ไปพูดมากด้วย แล้วสะบัดเดินกลับไปโมโหแทบจะบ้า

“เพื่อแพรไหม มาวินเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอ” รตีที่ดูเหตุการณ์อยู่พึมพำทึ่ง

นาราฮึดขึ้นมา ไปที่ห้องประชุมกับจักรีและรุจิรา ไปเผชิญหน้ากับปู่และญาติๆ ที่รุมเล่นงานพ่อตน

เธอพรวดเข้าไปทะลุกลางปล้องในที่ประชุม บอกว่าพ่อป่วย ถามว่าทราบกันไหมว่าพ่อป่วยเพราะถูกกดดันจนเครียดทำให้ความดันสูงน็อกล้มทั้งยืน

พี่ชายจักรีปรามนาราว่ากำลังคุยเรื่องธุรกิจอยู่เรื่องส่วนตัวเอาไว้คุยกันส่วนตัว นาราถามว่าตอนนี้เราเป็นอะไรกัน นักธุรกิจใช่ไหม การเป็นนักธุรกิจจำเป็นต้องไม่มีหัวใจด้วยหรือ ถามปู่ว่ารู้ไหมว่าปู่กับพวกลุงๆ คือต้นเหตุที่ทำให้พ่อเครียดจนต้องเข้าโรงพยาบาล ไม่คิดสนใจห่วงใยกันบ้างเลยหรือ ถามปู่ว่าชีวิตลูกชายมีค่าน้อยกว่าธุรกิจใช่ไหม

รุจิราพยายามห้ามนารา แต่นาราของขึ้นเสียแล้ว ถามว่า “ถ้าการทำธุรกิจทำให้เรามองเห็นแต่ตัวเลข กำไรและผลประโยชน์ของตัวเอง งั้นเชิญเอาไปเลยค่ะ เพราะหนูก็ไม่อยากทำงานกับญาติที่ไร้หัวใจเหมือนกัน หนูเรียนจบเมื่อไหร่หนูจะเป็นนักธุรกิจที่มีหัวใจ จะไม่มีวันเป็นอย่างพวกคุณเด็ดขาด!!”

รุจิราลากนาราออกไป จักรีมองพ่อและญาติๆอย่างผิดหวังแล้วเข็นรถตามนาราออกไป นาราบอกจักรีว่า

“พ่อคะ...ถ้าคุณปู่กับพวกลุงๆ อาๆ เขาอยากได้ห้างมากก็ให้เขาเอาไปดูแลเถอะค่ะ นาอยากให้พ่อกับแม่ได้พักบ้าง นาไม่อยากให้พ่อเครียดจนล้มป่วยหนักแล้ว นาจะตั้งใจเรียนให้จบ แล้วดูแลพ่อกับแม่เองค่ะ”

“ลูกแน่ใจเหรอว่าทำได้” จักรีถาม

“ต้องได้ค่ะ” นารากอดจักรี ตอบอย่างเด็ดเดี่ยวมั่นใจ 









ทีมา => http://www.thairath.co.th/ent/novel/Koopabshabab/ch10