Breaking News
Loading...

Info Post



คดีเกาะเต่า: ทนายจำเลยเปิดประเด็นสำนวนคดีบกพร่องเก็บหลักฐานไม่ครบหรือขาด หมอพรทิพย์ให้การตรวจพบดีเอ็นเอบนด้ามจอบแต่ไม่ใช่ของจำเลยและยังไม่เคยมีการตรวจสอบ ขณะที่เสื้อผ้าเหยื่อที่จ.น.ท.อ้างถูกข่มขืนกลับไม่ปรากฎในบัญชีพยานหลักฐาน ทีมทนายเผยต้องพึ่งข้อมูลชันสูตรจากอังกฤษแทนเพราะมีรูปให้น้อย

การพิจารณาคดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวอังกฤษ ฮันนาห์ วิธเธอร์ริดจ์กับเดวิด มิลเลอร์ที่เกาะเต่าในวันที่ 11 ก.ย.ที่ศาลจังหวัดเกาะสมุยมีพยานของทีมทนายความจำเลยไปให้ปากคำ คือพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เนื้อหาหลักของการให้ปากคำของพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์คือให้ความเห็นเรื่องกระบวนการการทำงานเพื่อตรวจและเก็บพิสูจน์หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ตามมาตรฐานและหลักการที่ควรเป็น ซึ่งทำให้ทีมทนายความชี้ว่า จากข้อมูลของพยานพบว่ามีหลายจุดที่เป็นข้อบกพร่องอย่างสำคัญในการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการทำสำนวนคดีที่กล่าวหาจำเลยคือนายซอ ลิน และนายเว พิวว่าเป็นผู้ลงมือสังหารนักท่องเที่ยวทั้งสอง

ทีมทนายจำเลยชี้ว่าคำให้การของพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ชี้ให้เห็นว่าสำนวนคดีของเจ้าหน้าที่ขาดข้อมูลหลายอย่างที่ควรมี บางอย่างควรตรวจสอบแต่ไม่ได้ทำ และบางอย่างทนายต้องร้องขอจากที่อื่น เช่นการขอให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจดีเอ็นเอหลักฐานสามชิ้นอันได้แก่จอบ กระสอบพลาสติก และรองเท้าแตะ พร้อมทั้งร้องขอหลักฐานจากเจ้าหน้าที่อังกฤษเอามาประกอบเนื่องจากเห็นว่าของไทยไม่สมบูรณ์หรือน่ากังขา

ในศาล พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า การพิสูจน์ด้วยดีเอ็นเอถือว่าเป็นวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้เต็มที่ แต่สิ่งที่จะเป็นปัญหาคือกระบวนการซึ่งหากไม่ดีพอจะทำให้ผลที่ได้ไม่น่าเชื่อถือ หรือแม้แต่อาจทำให้เกิดความผิดพลาด ดังนั้นการทำงานต้องมีมาตรฐาน กระบวนการต้องชัดเจน รอบคอบ ไม่ใช้วิธีการที่จะเปิดโอกาสให้มีอคติครอบงำ เช่นในการตรวจสอบดีเอ็นเอนั้นสถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะใช้บาร์โค้ดแทนการใส่ชื่อเพื่อกันไม่ให้ทำงานภายใต้อิทธิพลของอคติ แต่ทั้งนี้การซักถามของทนายทำให้เห็นว่า ในการทำงานของเจ้าหน้าที่การตรวจสอบดีเอ็นเอมีการใส่รายชื่อกำกับแต่ต้น

ทีมทนายความได้ซักถามพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ซึ่งทำให้ได้ภาพว่าในกรณีที่เกิดฆาตกรรมซ้อนและหนึ่งในนั้นอาจถูกข่มขืนด้วยนั้น โดยหลักการควรมีการเก็บหลักฐานเพื่อประกอบการพิสูจน์และค้นหาตัวผู้กระทำหลายอย่าง พยานเห็นว่าควรมีการนำหลักฐานสำคัญอย่างเช่นเสื้อผ้าของวิธเธอร์ริดจ์ไปตรวจสอบหารอยคราบเลือดและดีเอ็นเอ ตรวจสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เก็บรอยครอบเลือด ทิศทางการสาดกระเซ็นของเลือดประกอบลักษณะบาดแผล และดูจากศพเพื่อกำหนดทั้งเวลา สถานที่เกิดเหตุและลักษณะการตาย พร้อมกับชี้ว่าการเก็บข้อมูลที่เกิดเหตุในกรณีเช่นนี้ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและต้องทำอย่างรวดเร็วเพื่อแข่งกับเวลาเพราะหลักฐานอาจลบเลือนหรือเปลี่ยนโดยเฉพาะสภาพศพ





แต่ทีมทนายความระบุภายหลังว่า หลักฐานหลายอย่างไม่ปรากฎในสำนวนและบัญชีรายการหลักฐานของเจ้าหน้าที่ แม้แต่รูปที่ถ่ายจากสถานที่เกิดเหตุในแง่มุมต่างๆที่จะมีนัยสำคัญในการให้ข้อมูลก็มีน้อยมาก ที่สำคัญเสื้อผ้าของวิธเธอร์ริดจ์ที่เจ้าหน้าที่บอกว่าถูกข่มขืนก็ไม่อยู่ในบัญชีรายการหลักฐานที่ถูกตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ไม่อาจระบุเวลาเกิดเหตุ

จากการเบิกความและการซักถามของทนายยังปรากฎตัวอย่างของหลักฐานที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ได้ให้การถึงผลของการตรวจหาดีเอ็นเอจากด้ามของจอบที่เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าเป็นสิ่งที่ใช้ในการทำร้ายนักท่องเที่ยวจนเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพบดีเอ็นเอสองชุดของผู้ชายสองคน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลดีเอ็นเอที่ได้มาจากตำรวจและเป็นของจำเลยและเพื่อนชาวพม่าชื่อเมา เมากลับพบว่าไม่ตรงกับของใครในสามคนนั้น ดีเอ็นเอนี้ไม่ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแต่อย่างใด

นคร ชมพูชาติ ทนายความจำเลยให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ข้อมูลนี้ทำให้ทีมทนายความสบายใจขึ้นบ้างในเรื่องที่ว่าลูกความไม่มีดีเอ็นเออยู่ในสิ่งที่ถือว่าใช้เป็นอาวุธสำคัญ แต่เห็นว่าเจ้าหน้าที่ควรไปตรวจสอบดีเอ็นเอที่ได้นี้ว่าเป็นของใคร เขาชี้ว่านี่เป็นตัวอย่างของจุดอ่อนในสำนวนคดี คือสิ่งที่เป็นหลักฐานสำคัญขาดหายไปซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เพราะการสอบสวนพุ่งเป้าไปที่การหาข้อมูลสนับสนุนว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ลงมืออย่างเดียว

อีกเรื่องหนึ่งที่ทีมทนายจำเลยชี้ให้เห็นเรื่องของการขาดหลักฐานคือการขาดรูปภาพที่ครบถ้วนจากที่เกิดเหตุ ทีมทนายความได้นำเสนอข้อมูลที่ไปขอมาจากการชันสูตรของเจ้าหน้าที่จากอังกฤษ ทีมทนายความชี้ว่าข้อมูลดังกล่าวแม้ว่าจะไม่มากนักเพราะมีแค่เรื่องการผ่าศพพิสูจน์แต่ก็ยังถือว่ามากกว่าที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่

นอกจากนั้นในเรื่องของข้อกล่าวหาเรื่องการข่มขืนซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าพบอสุจิในช่องคลอดและทวารของผู้ตาย ผลการซักถามพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์พบว่า แม้จะมีหลักฐานเหล่านี้แต่การจะพิสูจน์ว่าถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์หรือไม่ยังต้องดูอีกหลายปัจจัย ซึ่งข้อมูลที่ได้มาจากสำนวนของเจ้าหน้าที่ยังขาดอีกหลายประการที่จะสนับสนุนสมมุติฐานดังกล่าว นอกจากนี้นายนครกล่าวด้วยว่า สิ่งที่พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ชี้ให้เห็นยังมีเรื่องของผลการตรวจดีเอ็นเอที่มีบางสิ่งบางอย่างเพิ่มเติมเข้ามาในผลและยังอธิบายไม่ได้

“สิ่งสำคัญที่พยานทำให้เห็นคือ เรามองไม่เห็นว่าเจ้าหน้าที่มีความต่อเนื่องในการทำงานในเรื่องวัตถุพยานอย่างชนิดที่จะป้องกันไม่ให้มีใครเข้าไปทำอะไรได้ คือขาดความต่อเนื่องในการครอบครองวัตถุพยานที่เรียกว่า chain of custody หรือห่วงโซ่ของการครอบครองวัตถุพยาน”

ในศาล อัยการได้ซักถามพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ถึงการทำงานที่ผ่านมาโดยหยิบยกกรณีที่เป็นที่โต้แย้งกันมากว่าล้มเหลว ไม่ว่าเรื่องการชันสูตรศพในเหตุการณ์สึนามิ คดีนายห้องทอง ธรรมวัฒนะที่แพทยสภาตำหนิว่าทำเกินหน้าที่ให้ความเห็นในเรื่องคดี ไปจนถึงกรณีจีที 200 แต่พยานตอบว่ากรณีต่างๆเหล่านี้ไม่เป็นดั่งรายงานข่าว กรณีสึนามิเป็นการตัดสินใจขององค์กรต่างประเทศที่เห็นว่าขณะนั้นไม่มีสถาบันด้านนิติวิทยาศาสตร์ใดในไทยได้มาตรฐาน คดีนายห้างทองนั้นยังอยู่ในระหว่างการโต้แย้งความเห็นของแพทยสภาว่าขณะนั้นตนเป็นโฆษกกระทรวงและทำงานเพื่อสาธารณะ ส่วนกรณีจีที 200 นั้นตนไม่เคยพูดว่าเป็นสิ่งที่ทำงานได้แน่นอน อัยการถามด้วยว่าพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์อาจไปให้การคดีเกาะเต่าโดยไม่ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาใช่หรือไม่ แต่พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ยืนยันว่าตนเป็นข้าราชการต้องขออนุญาตอยู่แล้ว

ด้านพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ให้สัมภาษณ์หลังการให้ปากคำในศาลด้วยว่า สิ่งที่ตนถือว่าเป็นเรื่องสำคัญคือพยายามชี้ให้เห็นว่าการเก็บพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ต้องมีมาตรฐาน ข้อแรกนั้นควรมีเหมือนภาคบังคับในเชิงกฎหมาย ไม่ควรทิ้งไว้ให้เป็นดุลพินิจของพนง.สอบสวน กล่าวคือมีกฎหมายเฉพาะให้อำนาจหน้าที่ให้ตรวจเก็บหลักฐานในสถานที่เกิดเหตุ และควรเป็นอิสระจากอำนาจสอบสวน และประการที่สามควรให้ประกันคุณภาพว่าต้องตามมาตรฐานสากล ดังนั้นต้องมีรายละเอียดสามส่วนคือเรื่องแรกต้องมีผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในกรณีนี้สภาทนายความก็มีความกังขา เพราะว่าผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นมาตอบในเรื่องของดีเอ็นเอ สองนั้นเครื่องมือและสารเคมีที่ใช้ควรมีมาตรฐาน และสุดท้ายคือต้องมีระบบปฏิบัติงานที่ทำให้เกิดความเป็นกลางมากที่สุด “เรื่องดีเอ็นเอมันเป็นอาวุธทางกระบวนการยุติธรรมที่แม่นยำ แต่เราต้องระวัง ระบบตรวจสอบควรเป็นบารโค้ด เพื่อไม่ให้ผู้ตรวจรู้ได้ว่าเป็นของใคร”

หลังสิ้นสุดการซักถามทั้งวัน นางเมย์ ไต แม่ของเว พิว หนึ่งในจำเลยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนสบายใจขึ้นบ้างกับผลการให้ปากคำในเรื่องดีเอ็นเอ อันที่จริงตนเชื่ออยู่แล้วว่าลูกไม่ทำร้ายใคร ที่ผ่านมาได้คุยกับลูกชายว่า หากทำจริงก็ให้รับ หรือถ้าไม่ได้ทำก็ต้องยืนยันต่อไป แต่ลูกชายยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนก่อเหตุ





อ่านเพิ่มเติมที่ : บีบีซีไทย – BBC Thai
ทีมา => http://www.baabinz.com/59404/